รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๒๘ วรรคหนึ่ง
กำหนดให้ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาซึ่งผู้กระทำผิดเป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารและคดีอื่น
ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ
พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. ๒๔๙๘
มาตรา ๖ แบ่งศาลทหารออกเป็น ๓ ชั้น คือ ศาลทหารชั้นต้น ศาลทหารกลาง
และศาลทหารสูงสุด
สำหรับศาลทหารชั้นต้น พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.
๒๔๙๘ มาตรา ๗ แบ่งออกเป็นศาลจังหวัดทหาร ศาลมณฑลทหาร ศาลทหารกรุงเทพ
และศาลประจำหน่วยทหาร
พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. ๒๔๙๘ มาตรา ๑๓
ให้ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาวางบทลงโทษผู้กระทำผิดต่อกฎหมายทหารหรือกฎหมายอื่นในทางอาญา
ในคดีซึ่งผู้กระทำผิดเป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารในขณะกระทำผิด
และมีอำนาจสั่งลงโทษบุคคลใด ๆ
ที่กระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
แต่คดีต่อไปนี้
ไม่อยู่ในอำนาจศาลทหาร ตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. ๒๔๙๘ มาตรา
๑๔
๑)
คดีที่บุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารกับบุคคลที่มิได้อยู่ในอำนาจศาลทหารกระทำผิดด้วยกัน
๒)
คดีที่เกี่ยวพันกับคดีที่อยู่ในอำนาจศาลพลเรือน
๓)
คดีที่ต้องดำเนินในศาลเยาวชนและครอบครัว
๔)
คดีที่ศาลทหารเห็นว่าไม่อยู่ในอำนาจศาลทหาร
คดีที่ไม่อยู่ในอำนาจศาลทหาร
ต้องดำเนินคดีในศาลพลเรือนตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. ๒๔๙๘ มาตรา ๑๕
(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๗๙๖/๒๕๔๑)
บุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร
พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. ๒๔๙๘ มาตรา ๑๖ กำหนดไว้ ดังนี้
๑)
นายทหารชั้นสัญญาบัตรประจำการ
๒) นายทหารชั้นสัญญาบัตรนอกประจำการ
เฉพาะเมื่อกระทำผิดต่อคำสั่งหรือข้อบังคับตามกฎหมายอาญาทหาร
๓)
นายทหารประทวนและพลทหารกองประจำการ หรือประจำการ
หรือบุคคลที่รับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร
๔)
นักเรียนทหารตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด
๕)
ทหารกองเกินที่ถูกเข้ากองประจำการ
ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารได้รับตัวไว้เพื่อให้เข้ารับราชการประจำการอยู่ในหน่วยทหาร
๖)
พลเรือนที่สังกัดอยู่ในราชการทหาร
เมื่อกระทำผิดในหน้าที่ราชการทหารหรือกระทำผิดอย่างอื่นเฉพาะในหรือบริเวณอาคาร
ที่ตั้งหน่วยทหาร ที่พักร้อน พักแรม เรือ อากาศยาน หรือยานพาหนะใด ๆ
ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ทหาร
๗) บุคคลที่ต้องขัง
หรืออยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารโดยชอบด้วยกฎหมาย
๘)
เชลยศึก หรือชนชาติศัตรูซึ่งอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารนอกจากนี้
ยังมีศาลทหารในกรณีไม่ปกติ เรียกว่า “ศาลอาญาศึก” ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อมีการรบ
การสงคราม หรือประกาศใช้กฎอัยการศึก และเมื่อหน่วยทหารหรือเรือรบอยู่ในยุทธบริเวณ
(ซึ่งกำหนดโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม)
ตั้งอยู่กับหน่วยทหารหรือเรือรบในยุทธบริเวณทั้งภายในและภายนอกประเทศ
มีเขตอำนาจเฉพาะหน่วยทหารที่อยู่ในยุทธบริเวณมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาทั้งปวง
ซึ่งจำเลยถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดเกิดขึ้นในเขตอำนาจนั้น
โดยไม่จำกัดตัวบุคคลและอัตราโทษ เมื่อศาลอาญาศึกพิพากษาแล้วไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาใด
ๆ ทั้งสิ้น
แหล่งที่มา:http://www.pub-law.net/publaw/view.aspx?id=1582
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น